ศรัทธาบูชา “ยักษ์” ปี 2565..ใจดีสู้เสือ




ย่างเข้าพุทธศักราช 2565…ปี “เสือดุ” หรือว่าจะไม่ (ดุ)? ชวนทุกคนให้ใจดีสู้เสือ กราบสักการบูชา “ยักษ์” ที่ว่ากันด้วยศรัทธา…ความเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นการเสริมพลังป้องกันตัว ขจัดปัดเป่าสิ่งอัปมงคล ช่วยส่งผลให้เจริญก้าวหน้า มีความสุข สมหวัง ร่ำรวยได้ดังหวังตั้งใจ

“ยักษ์” ในพระพุทธศาสนาเถรวาท ตามความเชื่อในสังคมไทย พระครูอุดมชัยสาร “ศึกษาความเชื่อเกี่ยวกับท้าวเวสสุวัณ (ยักษ์) ในพุทธศาสนาเถรวาท” นี้ว่า ยักษ์จัดเป็นอมนุษย์จำพวกหนึ่งที่มีเรื่องราวปรากฏในพระไตรปิฎกและอรรถกถามีทั้ง “ยักษ์ดี” และ “ยักษ์ร้าย”

ด้วยว่ายักษ์นี้มีหลายประเภท เช่น ยักษ์เสนาบดี ยักษ์บริวารรับใช้ท้าวเวสสุวัณ ยักษ์เหล่านี้ได้ทำกุศลกรรม…อกุศลกรรม เป็นเหตุให้เกิดมาเป็นยักษ์แตกต่างกัน “ยักษ์”…จัดอยู่ในประเภท…“โอปปาติกะ”

คือ…พวกที่เกิดมาแล้วมีร่างกายเติบโตทันที ในตอนเกิดไม่ต้องอาศัยอะไรทั้งหมด อาศัยแต่เพียงกรรมเก่าอย่างเดียว ถ้าหากได้ทำกรรมดีมาก่อนก็จะเกิดในกำเนิดของยักษ์ที่เป็นเทวดา ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ถ้าหากทำกรรมชั่วจะเกิดในกำเนิดของยักษ์ดิรัจฉาน

อีกทั้ง…ยักษ์มิได้อยู่ตนเดียวเสมอ มีการรวมกลุ่มกัน หรือจัดแบ่งเป็นพวกตามลักษณะทางสังคมของยักษ์ ทุกตนมีหน้าที่เป็นบริวารของท้าวเวสสุวัณ ซึ่งเป็นหนึ่งในจตุโลกบาลผู้รับผิดชอบดูแลทุกข์สุขของ “มนุษย์” และ “เทวดา” ในทิศเหนือ

“คนไทย” รู้จักยักษ์ในบทเรียนวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ์ โดยเฉพาะยักษ์ “ทศกัณฐ์” ที่เป็นฝ่ายอธรรมเข้าต่อกรกับกองทัพฝ่ายธรรมะของพระรามและพระลักษณ์ นอกจากนี้แล้วยักษ์ยังได้เข้ามามีบทบาททางความเชื่อคนไทยมาตั้งแต่สมัยอยุธยา

ในเรื่องราวเกี่ยวกับ “ผู้พิทักษ์รักษาความดี”…“ปกป้องความชั่วร้าย” ไม่ให้ย่างกราย เข้ามาใกล้ กระทั่งมีการสร้างรูปหล่อของยักษ์ไว้หน้าทางเข้าพระอุโบสถของวัด

วันเวลาผ่านมาถึงวันนี้อาจจะกล่าวได้ว่าขนบธรรมเนียมประเพณีที่ร้อยรัดความเชื่อ ความเกี่ยวข้องของ “ยักษ์” กับ “พุทธศาสนา” ทั้งทางด้านพิธีกรรม ด้านศาสนวัตถุต่างๆที่ปรากฏให้เห็นโดยทั่วไปที่ปรากฏผ่านงานทางสถาปัตยกรรม อาทิ สถูป เจดีย์ โบสถ์ สีมา หอไตร ตามโบราณสถานต่างๆ

O O O O

ความเชื่อที่มีต่อ “ท้าวเวสสุวรรณ” นั้น… เป็นถึงหนึ่งในท้าวจาตุมหาราชผู้ครองสวรรค์

ชั้นจาตุมหาราชิกา แล้วก็ยังมีชื่อเรียกอื่นอีกว่า “ธนบดี” ซึ่งหมายถึง ผู้เป็นใหญ่ในทรัพย์ธเนศวร ผู้เป็นเจ้าแห่งทรัพย์

ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งยักษ์, มยุราช…เจ้าแห่งกินนร, อิจฉาวสุ…ความมั่งมีได้ตามใจ, รากษเสนทร์…ผู้เป็นใหญ่ในพวกรากษส, ท้าวกุเรปัน ฯลฯ

หนึ่งในตำนานอดีตชาติของท้าวกุเวร… พราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อว่า “กุเวร” เป็นคนใจดีมีเมตตา ทำไร่อ้อยแล้วเอามาหีบทำน้ำอ้อยขายยึดอาชีพสุจริตเป็นนิจศีล ทำไปเรื่อยๆกิจการรุ่งเรืองเป็นเจ้าของหีบยนต์บีบอ้อย 7 เครื่อง จึงสร้างบ้านพักสำหรับคนเดินทาง บริจาคน้ำอ้อยให้เป็นทานแก่ผู้คนที่ผ่านไปมาตลอดทั้งชีวิต

ด้วยอำนาจกุศลผลบุญที่พราหมณ์กุเวรได้ทำ หนุนนำให้ไปเกิดเป็นเทพบุตรบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกานามว่า “กุเวรเทพบุตร” ต่อมาได้รับการเทวาภิเษก ขึ้นครองราชย์เป็นผู้ดูแลพระนครสวรรค์ชั้นที่ 1 ด้านทิศเหนือ และได้พระนามใหม่ว่า “ท้าวเวสสุวรรณ”

กล่าวกันว่า…“คฑาวุธ” ของท้าวเวสสุวรรณ นั้นถือเป็นยอดแห่งศาสตราวุธที่มีอานุภาพมหาศาลยิ่งนัก สามารถทำลายโลกใบนี้ได้เป็นจุณในพริบตาเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่า…ตามวัดวาอารามต่างๆ หน้าโบสถ์ วิหารจะมีท้าวเวสสุวรรณยืนเฝ้าตระหง่าน ด้วยเชื่อกันว่าจะคอยปกป้องสมบัติล้ำค่า ของมีค่าโบราณและอีกนัยหนึ่งก็แฝงไปด้วยหน้าที่เป็นเทพผู้ที่ทำหน้าที่คอยพิทักษ์ รักษาพระพุทธศาสนาสืบต่อไปตราบนานเท่านาน

นี่คือ “ท้าวเวสสุวรรณ” หรือ “ท้าวกุเวร” ที่เราๆท่านๆจะเห็นว่าเป็นเทพหรือยักษ์อยู่ตามวัดวาอารามต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณซุ้มประตูทางเข้าวัดยืนตระหง่านเด่นดูสง่าน่าเกรงขาม

O O O O

คาถาบูชาประจำวัน “ท้าวเวสสุวรรณ” หรือ “ท้าวกุเวร”

ตั้งนะโม 3 จบ…อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ มรณังสุขัง อะหัง สุคะโต นะโมพุทธายะ

ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโต เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ

ต้องย้ำกันจริงๆอีกครั้งว่า…ผู้คนไม่น้อยเชื่อศรัทธากันว่าเมื่อบูชาท้าวเวสสุวรรณแล้วจักได้รับความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ตัวอย่างไม่ขาด ทั้ง….ลาภ ยศ สรรเสริญ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา บารมี ที่แม้เกิดขึ้นได้ยากยิ่งก็จักมีเข้ามาในชีวิตได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ท้าวเวสสุวรรณ” เป็นอีกหนึ่งเครื่องรางของขลังกันวิญญาณร้ายได้เป็นอย่างดี ผู้คนไม่น้อยมีความเชื่อศรัทธากันมากว่าการบูชาท้าวเวสสุวรรณนั้นจะช่วยขับไล่ภูตผีปีศาจไปได้ ด้วยเป็นเทพแห่งอสูร แต่โบราณนานมาแล้วจึงทำรูปท้าวเวสสุวรรณอยู่ในรูปของยักษ์ ยืนถือกระบองยาวหรือไม้เท้าใหญ่ไว้ตรงระหว่างขา

บางตำราโบราณก็ว่า…ที่จริงแล้วท้าวเวสสุวรรณนั้นเป็นยักษ์ที่มีผิิวกายพัสตราภรณ์เป็นสีทองเหลืองงามอร่ามนัก ที่สำคัญมีจิตใจดีงามแตกต่างจากหน้าตาที่ดูน่ากลัว ดำรงตนอยู่ในศีลในธรรม พร้อมที่จะอุทิศรักษาพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่ยิ่ง กล่าวกันว่า…ยังทำหน้าที่จดรายละเอียดความดีงามของผู้คนไปประกาศให้เทวดาในสวรรค์ชั้นฟ้ารับรู้อีกด้วย

โดยเฉพาะในเรื่องการเป็นเทพเจ้าแห่งขุมทรัพย์ นัยว่า “ท้าวเวสสุวรรณ” นั้นเป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง ผู้เป็นเทพที่รักษาสมบัติของเทวโลก อีกทั้งยังมีอำนาจปกครองดูแลยักษ์ ภูตผีปีศาจทั้งหลาย

“ท้าวเวสสุวรรณ” จึงถือได้ว่ามี “พลังอำนาจบารมี” มากยิ่ง

“ศรัทธา”…นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่ออย่างไรขอโปรดอย่าได้…“ลบหลู่”.

รัก-ยม