Studio Ghibli (สตูดิโอ จิบลิ) ตำนานป๊อปคัลเจอร์ญี่ปุ่นที่ยังมีลมหายใจ




หนึ่งในผลงานที่สะท้อนวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์ของประเทศญี่ปุ่นที่ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือ ผลงานของ Studio Ghibli (สตูดิโอ จิบลิ) ที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น Grave of the fireflies (สุสานหิ่งห้อย) My Neighbor Totoro (โทโทโร่เพื่อนรัก) Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์) และอีกมากมาย นับตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 40 ปีแล้ว Studio Ghibli ก็ยังมีผลงานใหม่ออกมาเอาใจแฟนๆ อย่างต่อเนื่อง

เสน่ห์ของ Studio Ghibli คืออะไร

เสน่ห์ของผลงานจาก Studio Ghibli (สตูดิโอ จิบลิ) ไม่ได้เป็นแค่เพียงภาพยนตร์แอนิเมชัน แต่เรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะที่ถ่ายทอดผ่านแอนิเมชันที่เต็มไปด้วยจินตนาการ พร้อมสอดแทรกปรัชญาของการใช้ชีวิตในแต่ละยุคสมัยได้อย่างแนบเนียน มีเนื้อหาที่สามารถเข้าถึงอารมณ์คนดูจากทั่วโลกได้

ผลงานแอนิเมชันสร้างชื่อของสตูดิโอจิบลิ

โดยเฉพาะเรื่อง Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์) ที่แฝงด้วยปรัชญาการใช้ชีวิตที่สะท้อนผ่านจินตนาการแฟนตาซีอันลึกล้ำ มีสัญลักษณ์ให้ตีความได้เกือบทุกฉาก ซ่อนด้วยความหม่นเศร้าแบบเทาๆ พร้อมลายเส้นที่สวยงาม จึงสะกดคนดูได้ทุกเพศทุกวัย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์) คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมได้ในปี 2002 และยังเป็นแอนิเมชันในตำนานที่ได้รับความนิยมถึงปัจจุบัน

นอกจากเรื่อง Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์) ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Studio Ghibli ในระดับโลกแล้ว ผลงานแอนิเมชันเรื่องอื่นๆ ก็ล้วนสอดแทรกปรัชญาการใช้ชีวิตและสัญลักษณ์ไว้ให้ผู้ชมตีความแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Grave of the fireflies (สุสานหิ่งห้อย) ที่ฉายภาพสะท้อนถึงโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนจำนวนมาก

หรือแม้แต่เรื่อง โทโทโร่เพื่อนรัก (My Neighbor Totoro) แอนิเมชันฟีลกู๊ดเสริมสร้างจินตนาการสำหรับเด็กในวัยเรียนรู้จากสิ่งต่างๆ รอบตัว ประกอบกับความน่ารักของเจ้าโทโทโร่ เพื่อนรักขนปุยตัวใหญ่ ที่มาสร้างสีสันให้กับเด็กๆ ในเรื่อง รวมทั้งยังตกให้ผู้ใหญ่อย่างเราหลงรักตามไปด้วย ซึ่งเป็นคาแรกเตอร์ที่ถูกใจแฟนๆ Studio Ghibli ทั่วโลกรวมถึงคนไทย รวมทั้งยังนำมาใช้เป็นโลโก้ของ Studio Ghibli อีกด้วย

ไทม์ไลน์ภาพยนตร์แอนิเมชันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

นอกจากแอนิเมชัน 3 เรื่องที่กล่าวมาแล้ว Studio Ghibli ยังมีภาพยนตร์แอนิเมชันอีกกว่า 20 เรื่อง ที่สร้างความประทับใจและตราตรึงให้กับผู้ชมทั่วโลก จนได้ฉายาว่าเป็น ดิสนีย์แห่งญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในตำนานป๊อปคัลเจอร์ที่ยังมีผลงานอย่างต่อเนื่อง และได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายถึงปัจจุบัน

เปิดโลกความบันเทิงของ Studio Ghibli

นอกจากการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันที่แฝงด้วยข้อคิดมากมายแก่ผู้ชมแล้ว Studio Ghibli (สตูดิโอ จิบลิ) ยังเปิด Studio Ghibli Museum (พิพิธภัณฑ์ สตูดิโอ จิบลิ) ที่ย่านชานเมืองของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นที่รวบรวมผลงานตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งจำลองฉากดังจากแอนิเมชันเรื่องต่างๆ ออกมาเป็นของจริงให้แฟนๆ ได้สัมผัส เสมือนเป็นอาณาจักรของ Studio Ghibli เลยก็ว่าได้ หากใครจะแวะเวียนมาต้องจองตั๋วล่วงหน้าผ่านทางออนไลน์เท่านั้น แถมยังมีรอบและจำนวนบัตรที่จำกัดในแต่ละวัน ชนิดที่เปิดให้จองเมื่อไหร่ต้องรีบซื้อทันทีอย่าคิดนาน เพราะหมดไวมาก

สำหรับคนที่รอคอยการเปิดตัวของ Ghibli Park (จิบลิ พาร์ค) สวนสนุกของ Studio Ghibli (สตูดิโอ จิบลิ) ได้มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2022 นี้ หลังจากที่เลื่อนเปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมาเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยจะเปิดทุกพื้นที่ของสวนสนุกได้อย่างครบสมบูรณ์ภายในเดือนมีนาคม 2023 และคาดว่าจะมีผู้เข้าชมเกินหนึ่งล้านคน

สวนสนุก Ghibli Park (จิบลิ พาร์ค) ตั้งอยู่ในเมืองนากาคุเตะ จังหวัดไอจิ ประกอบไปด้วยหลากหลายสถานที่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานหนังอนิเมะเรื่องเยี่ยมของค่ายเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหากญี่ปุ่นเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้าได้เมื่อไหร่ แฟนคลับชาวไทยคงไม่พลาดอย่างแน่นอน

Studio Ghibli ขยายฐานแฟนสู่วงการแฟชั่น

นอกเหนือจากความบันเทิงที่มอบให้แฟนๆ แล้ว Studio Ghibli (สตูดิโอ จิบลิ) ยังต่อยอดสู่วงการแฟชั่นด้วยการจับมือกับแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง อย่าง Loewe (โลเอเว่) สัญญาชาติสเปน ได้ร่วมมือกับ Studio Ghibli (สตูดิโอ จิบลิ) ออกแบบคอลเลกชันใหม่โดยใช้คาแรกเตอร์จากเรื่อง โทโทโร่เพื่อนรัก (My Neighbor Totoro) ในปี 2021 ด้วยการตอบรับที่ดีจากแฟนๆ ทั่วโลก ล่าสุดเมื่อต้นปี 2022 จึงได้ร่วมกันออกคอลเลกชันใหม่โดยใช้คาแรกเตอร์จากเรื่อง Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์) เพื่อเอาใจแฟนๆ อีกครั้ง

คอลเลกชันเสื้อ UT ของยูนิโคล่ที่ออกแบบโดยสตูดิโอจิบลิ

ไม่เพียงแค่การร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นระดับหรูเท่านั้น Studio Ghibli (สตูดิโอ จิบลิ) ยังจับมือกับแบรนด์ Uniqlo (ยูนิโคล่) สัญชาติญี่ปุ่นบ้านเดียวกัน พัฒนาคอลเลกชันพิเศษของเสื้อยืด UT ร่วมกัน โดยใช้คาแรกเตอร์จากเรื่อง โทโทโร่เพื่อนรัก (My Neighbor Totoro) ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนไทย พร้อมทั้งจัดนิทรรศการในชื่อ “My style, My ghibli” โดยเปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 27 มีนาคมนี้ ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

โทโทโร่ยืนรอทักทายผู้คนตั้งแต่ทางเข้า

โทโทโร่และผองเพื่อน

“นี่เป็นครั้งแรกที่เราจัดนิทรรศการขนาดใหญ่นอกประเทศญี่ปุ่น โดยก่อนหน้านี้เคยจัดนิทรรศการที่ประเทศจีน เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย แต่ไม่ใช่รูปแบบใหญ่ ดังนั้นประเทศไทยคือประเทศแรกที่เราจัดนิทรรศการใหญ่ขนาดนี้” ทาชิโอะ ซูซูกิ (Toshio Suzuki) โปรดิวเซอร์ของ Studio Ghibli กล่าวถึงการจัดนิทรรศการร่วมกับยูนิโคล่

ด้านโยชิทาเกะ วาคากุวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) เผยถึงที่มาของการจัดนิทรรศการนี้ว่า นอกจากเป็นพื้นที่แสดงผลงานภาพถ่ายของกานต์ญาดา ช่างภาพชาวไทย ที่ถ่ายภาพพิพิธภัณฑ์จิบลิในมุมต่างๆ มาแสดงในนิทรรศการนี้แล้ว ยังเป็นการสร้างความสุขและสร้างรอยยิ้มให้แก่แฟนคลับ Studio Ghibli ชาวไทย ในช่วงที่ทุกคนต่างต้องพบเจอกับความลำบากจากสถานการณ์โควิดอีกด้วย

รถบัสแมวขนาดเท่าของจริงรอทุกคนมาเยี่ยมชม

ซึ่งการจับมือกับแบรนด์แฟชั่นชื่อดังเป็นการช่วยขยายฐานแฟนคลับของ Studio Ghibli ให้กว้างขึ้น อีกทั้งการจัดนิทรรศการก็ยังช่วยกระตุ้นความโหยหาการไปเที่ยวญี่ปุ่นของคนไทยได้อีกเท่าตัว ซึ่งคาดว่าหากสถานการณ์โควิดเริ่มซาและญี่ปุ่นเปิดประเทศแล้ว คงมีนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนไม่น้อยเดินทางไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จิบลิเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ภาพโดย: ชุติมน เมืองสุวรรณ