8 ประโยชน์ของ “กาแฟดำ” แคลอรีต่ำ มีวิตามิน ดีต่อสุขภาพ




กาแฟ” หนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมของคนทั่วโลก มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์จากเมล็ดกาแฟคั่วบด ที่นำไปทำเครื่องดื่มได้หลากหลายเมนู เช่น เอสเพรสโซ ลาเต้ คาปูชิโน หรือแบบไม่ไม่มีส่วนผสมอื่นอย่าง “กาแฟดำ” ที่ได้รับความสนใจในกลุ่มคนรักสุขภาพ และผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่าง เพราะนอกจากจะมีรสชาติอร่อยเข้มข้นแล้ว ยังมีงานวิจัยที่ออกมาระบุถึงคุณประโยชน์ต่างๆ บทความนี้ ไทยรัฐออนไลน์จึงรวบรวมสาระความรู้มาฝากกัน

ทำความรู้จัก “กาแฟดำ” (Black Coffee)

กาแฟดำ หรือ Black Coffee คือ กาแฟที่ผ่านการคั่วบดและชงอย่างพิถีพิถัน โดยไม่ใส่นม น้ำตาล หรือส่วนผสมอื่นใดลงไปนอกจากกาแฟและน้ำเท่านั้น จึงคงคุณประโยชน์ของกาแฟไว้ได้อย่างแท้จริง โดยกาแฟดำนั้นจะมีรสชาติต่างจากกาแฟใส่นมทั่วไป เพราะมีรสขม เข้มข้น และมีความเปรี้ยวของกาแฟแทรกอยู่ แม้อาจจะไม่ถูกปากใครหลายคน แต่สำหรับคอกาแฟสายสุขภาพแล้ว กาแฟดำถือเป็นเครื่องดื่มที่ค่อนข้างได้รับความนิยม

ประโยชน์ของกาแฟดำ (Black Coffee) ที่ควรรู้

1. “กาแฟดํา” มีแคลอรีต่ำ ช่วยเสริมการลดน้ำหนัก
กาแฟดำ กี่แคลอรี? เนื่องจากกาแฟดำมีเพียงกาแฟและน้ำเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนผสมที่ให้พลังงานเพิ่มเติม เช่น นม ครีม หรือน้ำตาล เหมือนกับกาแฟและเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ซึ่งให้พลังงานสูง จึงทำให้กาแฟดำมีพลังงานต่ำเพียง 2-5 แคลอรีเท่านั้น ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก

การเติมส่วนผสมอื่นๆ ลงในกาแฟดำ จะเพิ่มพลังงานอีกกี่แคลอรี?

  • น้ำตาล 1 ช้อนชา = เพิ่ม 16 แคลอรี
  • ครีมเทียม 1 ช้อนโต๊ะ = เพิ่ม 30 แคลอรี
  • ครีม 1 ช้อนโต๊ะ = เพิ่ม 50 แคลอรี
  • ครีมพร่องมันเนย 1 ช้อนโต๊ะ = เพิ่ม 20 แคลอรี
  • วิปปิ้งครีม = เพิ่ม 100 แคลอรี
  • นมสด = เพิ่ม 20 แคลอรี
  • นมพร่องมันเนย = เพิ่ม 10 แคลอรี

2. ช่วยให้สมองให้ตื่นตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
เป็นที่ทราบกันดีว่าในกาแฟนั้นมีสารสำคัญอย่าง “คาเฟอีน” อยู่ด้วย โดยกาแฟ 1 แก้วนั้น อาจมีปริมาณคาเฟอีน 60-200 มิลลิกรัม ซึ่งจะออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้สมองตื่นตัว รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มึความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) เสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย
ในกาแฟดำมีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ Antioxidant เช่น วิตามิน B2, B3, B5, แมงกานีส, โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยลดสารอนุมูลอิสระ ไม่ให้สร้างความเสียหายกับเซลล์ อีกทั้งช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ลดการเกิดโรคต่างๆ และชะลอความเสื่อมของร่างกาย

4. ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
การดื่มกาแฟเป็นประจำนั้น อาจเพิ่มความดันโลหิตเป็นเวลาชั่วคราว แต่จะค่อยๆ ลดลงในภายหลัง การดื่มกาแฟดำวันละ 1-2 แก้ว จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคหลอดเลือดสมอง อีกทั้งกาแฟดำยังช่วยลดระดับการอักเสบในร่างกายอีกด้วย

5. กลิ่นหอมของกาแฟ ช่วยให้ผ่อนคลาย
นอกจากรสชาติที่โดดเด่นแล้ว กลิ่นหอมละมุนเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟ จะช่วยกระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุขอย่าง เซโรโทนินหรือโดพามีน ในสมองของคุณออกมา ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้าและความเครียดสะสมได้อย่างเห็นผล

6. ป้องกันการเกิดโรคพาร์กินสัน
สารคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟดำ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าในการทำงานเท่านั้น แต่จากงานวิจัยยังพบว่าคาเฟอีนมีส่วนช่วยชะลออัตราเสี่ยงในการเกิดโรคพาร์กินสัน ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์สมองได้ด้วยการดื่มกาแฟ 1-2 แก้วต่อวัน

7. ช่วยป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2
การดื่มกาแฟดำที่ปราศจากน้ำตาลและครีมเทียม มีส่วนในการช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ ซึ่งงานวิจัยในวารสารโภชนาการของอเมริกันชี้ว่าการดื่มกาแฟดำที่ไม่มีคาเฟอีนช่วยความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานได้มากกว่ากาแฟที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนได้มากถึง 7 เปอร์เซ็นต์

8. ช่วยลดอาการเมาค้างและปวดศีรษะ
สำหรับใครที่เคยเมาจนรู้สึกปวดหัวจนต้องหาตัวช่วยให้สร่างเมา กาแฟดำก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะคาเฟอีนในกาแฟดำจะช่วยเร่งการขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายผ่านการปัสสาวะ ช่วยให้หายจากอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

กาแฟดํากินตอนไหนดีที่สุด?

หากต้องการดื่มกาแฟดำให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ควรหันมาดื่มกาแฟหลังรับประทานอาหารเช้า เพื่อหลีกเลี่ยงอาการนอนไม่หลับ ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟดำตอนท้องว่างและหลังบ่ายสองโมงเย็น รวมถึงไม่ควรดื่มเกิน 4 แก้ว ไม่เช่นนั้นร่างกายจะได้รับคาเฟอีนมากเกินไป

ข้อควรระวัง กาแฟดำอาจไม่ดีสำหรับทุกคนเสมอไป

แม้การดื่มกาแฟดำจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน หรือช่วยลดคอเลสเตอรอล แต่ก็ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร และโรคหัวใจ เนื่องจากมีฤทธิ์กระตุ้นอาการของโรค ผู้ที่มีโรคประจำตัวจึงควรปรึกษาแพทย์ในการดื่มกาแฟดำ

จะเห็นได้ว่า “กาแฟดำ” มีประโยชน์มากมาย ให้พลังงานต่ำ เหมาะกับการลดน้ำหนัก ดังนั้น เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ควรดื่มกาแฟดำควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย รวมถึงควรกินอาหารครบ 5 หมู่ และดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีพร้อมสำหรับก้าวใหม่ๆ ในทุกๆ วัน.

ที่มา : www.arit.npru.ac.th, www.eraofwe.com