โผล่แล้วอย่างหล่อ  All New Ford Ranger Raptor 2022




All New Ford Ranger Raptor 2022 ในตลาดโลก วางเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ กำลัง 397 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 583 นิวตันเมตร โหมดขับเคลื่อนแบบใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพการขับทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรด ระบบท่อไอเสียแบบแปรผันควบคุมไฟฟ้า ครั้งแรกในรถกระบะ ปรับเแต่งเสียงเครื่องยนต์ตั้งแต่โหมดนุ่มนวลไปจนถึงเสียงกระหึ่มในโหมดสูงสุด จัดเต็มรองรับลุยทุกสภาวะของเส้นทาง โหมดการขับ 7 โหมด ช่วงล่างปรับแต่งใหม่โช้คอัพ FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว พัฒนาโดยทีม Ford Performance ลุยเส้นทางออฟโรดได้ดีกว่าเดิม ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา เพลาขับหน้า เชื่อมต่อกับเกียร์ทรานสเฟอร์ ควบคุมระบบไฟฟ้าแบบใหม่ ปรับได้ตามต้องการ พร้อมระบบดิฟล็อก 4 ล้อ

Ford Motor Company (Thailand) Limited เปิดผ้าคลุมกระบะสมรรถนะสูงเจนเนอเรชั่นที่ 2 เผยโฉม New Ford Ranger Raptor ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ New Raptor 2022 พัฒนาขึ้นเพื่อพร้อมตะลุยเส้นทางทุรกันดาร ทะเลทราย ภูเขาสูงชัน และทุกสภาพเส้นทางหฤโหด สร้างมาตรฐานในตลาดรถกระบะออฟโรดสำหรับคนที่เน้นการขับขี่เต็มประสิทธิภาพ พัฒนาโดยทีม Ford Performance ปรับแต่งเพื่อทำให้เป็นรถกระบะออฟโรดที่ทรงพลังในตระกูล Ranger เทคโนโลยีช่วยขับที่ทันสมัยควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ เพื่อให้ทั้งความสนุกและความปลอดภัย ตัวถังแข็งแกร่งและเหนือชั้นขึ้น 

ในตลาดโลก All New Ford Ranger Raptor 2022 ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 397 แรงม้า ที่ 5,650 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบคู่ ความจุ 2.0 ลิตร ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ยังถูกใช้ใน Raptor ที่จะขายในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2566 Ford แจ้งว่า รายละเอียดของ Ranger Raptor 2022 สำหรับแต่ละประเทศ จะแจ้งเมื่อใกล้ถึงวันเปิดตัวอีกครั้ง

ในตลาดโลกที่ไม่ใช่ประเทศไทย เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ จะเป็นขุมกำลังแบบใหม่ของ New Ranger Raptor 2022 ใช้เสื้อสูบกราไฟต์ที่มีขนาดกะทัดรัด เมื่อเทียบกับเสื้อสูบเหล็กหล่อทั่วไป เสื้อสูบกราไฟต์จะมีความแข็งแรงมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ Ford Performance ออกแบบเพื่อให้เครื่องยนต์ตอบสนองกับการเร่งความเร็ว พร้อมระบบป้องกันการรอรอบแบบที่ใช้ในรถแข่งเพื่อลดอาการเทอร์โบแลค ระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System – ALS) เป็นส่วนหนึ่งของโหมดบาฮา ใน New Ford Ranger Raptor เจนใหม่ รักษาการหมุนของแกนเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ความเร็วสูงต่อไปอีก 3 วินาที หลังจากผู้ขับยกคันเร่ง เพื่อการตอบสนองได้อย่างทันใจขณะเร่งออกจากทางโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์

เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งเกียร์แต่ละตำแหน่ง ได้รับการตั้งค่าอัตราทดเฉพาะตัวแตกต่างกัน เน้นการขับลุยทางกรวด ดินลูกรัง โคลน หรือทราย ด้วยการจัดการของระบบทดกำลังที่มีอัตราทดมากถึง 10 สปีด ต่อเชื่อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ทำงานขึ้นตรงกับโหมดขับเคลื่อน ท่อไอเสียควบคุมด้วยไฟฟ้า พร้อมโหมดปรับเสียง 4 โหมด (โหมดเงียบ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดบาฮา) ปรับระดับความดังเสียงท่อไอเสีย ตั้งแต่เบาสบายหู ไปจนถึงเสียงกระหึ่มเร้าอารมณ์ในรอบสูงสไตล์เครื่องยนต์ V6 เลือกระดับความดังของท่อไอเสียได้ด้วยการกดปุ่มบนพวงมาลัย หรือเลือกโหมดการขับขี่ ดังต่อไปนี้

โหมดเงียบ – ออกแบบมาเพื่อตั้งค่าให้ท่อไอเสียเงียบมากกว่าการอวดสมรรถนะ เหมาะสำหรับการสตาร์ตรถตอนเช้า เพื่อลดเสียงรบกวนเพื่อนบ้านหรือผู้คนในชุมชน

โหมดปกติ – สำหรับใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ดังเกินไปสำหรับการขับบนท้องถนน โดยจะเป็นค่าเริ่มต้นกับการขับขี่โหมดปกติ โหมดถนนลื่น

โหมดโคลน และโหมดหิน

โหมดสปอร์ต – มอบเสียงดังกระหึ่มขึ้น เมื่อต้องการเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจยิ่งขึ้น

โหมดบาฮา – โหมดเสียงที่อวดความแรงสูงสุดทั้งความดังและความทุ้ม เสมือนระบบต่อตรงออกแบบมาสำหรับการขับขี่ออฟโรด

แชสซีเพิ่มความแข็งแกร่ง จากการประกอบและติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่น เป็นเสาซี กระบะท้าย ล้ออะไหล่ โครงรถแบบพิเศษ รองรับแรงกระแทกจากกันชน ขายึดโช้ค และฐานยึดโช้คหลัง ช่วงล่างออกแบบใหม่ทั้งหมด ปีกนกบนและล่างใหม่ ทำจากอะลูมิเนียมที่แข็งแรงและมีน้ำหนักเบา รวมถึงระบบกันสั่นสะเทือนที่มีระยะยืดยุบสูง พร้อมวัตต์ลิงก์ด้านหลังที่พัฒนามาเพื่อรองรับการขับด้วยความเร็วสูงบนถนนขรุขระ ช่วงล่างใหม่ โช้คแบบ Live Valve ของ FOX ระบบช่วงล่างปรับได้แบบเรียลไทม์เพื่อประสบการณ์การขับทางเรียบ สามารถซับแรงกระแทกจากพื้นผิวขรุขระและทางลูกรังในการขับขี่แบบออฟโรด

องค์ประกอบสำคัญของรถที่ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกจากลูกกระโดดและหลุมบ่อ คือระบบกันสะเทือน FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ควบคุมด้วยเทคโนโลยีใหม่ ลดการสะเทือนตามการเคลื่อนไหวของรถ เป็นระบบกันสะเทือนที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยใช้ใน Ranger Raptor มีการเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นผสม Teflon™ ช่วยลดการเสียดสี 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ Ranger Raptor รุ่นก่อนหน้า

ฮาร์ดแวร์ผลิตโดย FOX ร่วมมือกับสำนัก Ford Performance รับหน้าที่ปรับจูนและพัฒนาโช้คอัพรุ่นนี้ ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในงานด้านวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering หรือ CAE) และการทดสอบรถในสถานการณ์จริง ตั้งแต่การปรับการทำงานของสปริงไปจนถึงการกำหนดความสูง การปรับแต่งวาล์ว และการออกแบบระดับการยืด-หดของโช้ค เพื่อสร้างความสมดุล เพื่อการควบคุมรถที่ง่าย ความมั่นคง และการยึดเกาะถนน ทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรด ระบบช่วงล่างแบบ ไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ปรับแต่งให้ความสบายบนทางเรียบ และประสิทธิภาพการขับบนเส้นทางออฟโรด ทั้งความเร็วสูงและความเร็วต่ำ ทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่บาฮา ระบบดังกล่าวยังเตรียมความพร้อมให้ตัวรถในการตะลุยพื้นที่ได้หลากหลาย เมื่อโช้คได้รับแรงกด ระบบบายพาสจะจำงาน เพื่อตอบสนองและช่วยซับแรงได้อย่างพอเหมาะ โดยผลักแรงกลับไปเมื่อโช้คมีการคืนตัวเต็มที่ ระบบป้องกันการหดตัวค้าง (Bottom-Out Control) ของ FOX สร้างแรงหน่วงสูงสุดในระยะ 25 เปอร์เซ็นต์สุดท้ายของการหดตัว ป้องกันไม่ให้โช้คค้าง ระบบดังกล่าว ช่วยชะลอการหดตัวของโช้คหลัง เพื่อไม่ให้รถกระแทกแรงเกินไปขณะเร่งความเร็ว เมื่อระบบกันสะเทือนสร้างแรงหน่วงในปริมาณที่พอเหมาะในทุกการเคลื่อนไหว รถจะยึดเกาะพื้นผิวได้ดีทั้งบนถนน และเส้นทางสมบุกสมบัน การติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถที่มีขนาดใหญ่เกือบ 2 เท่าของขนาดปกติ ทำขึ้นจากเหล็กที่มีความแข็งแรง หนา 2.3 มิลลิเมตร ประกอบเข้ากับแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์และชุดเกียร์ ช่วยปกป้องชิ้นส่วน เช่น หม้อน้ำ ระบบบังคับเลี้ยว คานด้านหน้า อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟือง

ตะขอลากจูงคู่หน้าและหลังทำให้รถพร้อมลุยในเส้นทางออฟโรด เลือกใช้ตะขอใดตะขอหนึ่งเป็นจุดยึดสายลากจูง ในกรณีที่ตะขออีกด้านเข้าถึงได้ยาก เพิ่มความสมดุลด้วยการใช้สายลากจูงสองเส้น เพื่อดึงรถขึ้นจากหลุมทรายลึกหรือหล่มโคลน ระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบตลอดเวลา ใช้ระบบเกียร์ไฟฟ้าใหม่ที่ปรับได้ 2 ระดับ ระบบควบคุมเฟืองท้ายคู่หน้าและหลัง แบบ locking differentials 

โหมดบาฮาเป็นตัวแทนขั้นสุดของการขับออฟโรดความเร็วสูง โหมดการขับแต่ละโหมด ควบคุมการตั้งค่าการทำงานส่วนต่างๆ ของรถโดยละเอียด ตั้งแต่เครื่องยนต์ เกียร์ ความไวในการใช้ระบบเบรกอัตโนมัติ (ABS) การประมวลผล การยึดเกาะถนน ความมั่นคง ระบบท่อไอเสีย พวงมาลัย การตอบสนองต่อการเร่งเครื่อง ไปจนถึงการแสดงผลบนแผงหน้าปัดรถยนต์ และจอทัชสกรีน นอกจากนั้น สีของแผงหน้าปัดยังปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการขับขี่แต่ละโหมดอีกด้วย

โหมดการขับขี่ทางเรียบ

โหมดปกติ – ออกแบบมาเพื่อความสบาย ประหยัดเชื้อเพลิง และขับขี่สะดวก
โหมดสปอร์ต – ออกแบบมาให้ตอบสนองไวขึ้นสำหรับการขับขี่บนถนนอย่างสนุกสนาน
โหมดทางลื่น – ออกแบบมาให้ผู้ขับมีความมั่นใจในการขับขี่บนถนนลื่นหรือพื้นถนนที่ไม่สม่ำเสมอ

โหมดการขับขี่ออฟโรด

โหมดหิน – มอบการยึดเกาะและการทรงตัวที่เหนือชั้นบนพื้นผิวที่ลื่นไถลได้ง่าย
โหมดทราย – สำหรับใช้ขับบนพื้นทรายหรือหิมะ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลังและการเปลี่ยนเกียร์
โหมดโคลน – เพิ่มศักยภาพในการยึดเกาะขณะออกตัว และรักษาการทรงตัวของรถ
โหมดบาฮา – เปลี่ยนเข้าสู่การขับขี่ด้วยความเร็วสูงเต็มสมรรถนะ โดยปรับทุกระบบให้พร้อมสำหรับการลุย

ระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด (Trail Control™) ทำหน้าที่เสมือนระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติสำหรับการขับขี่ออฟโรด สามารถเลือกความเร็ว (ไม่เกิน 32 กิโลเมตร/ชั่วโมง) รถจะควบคุมการเร่งความเร็วและการเบรก ผู้ขับเพียงจดจ่อกับการบังคับควบคุมพวงมาลัยเพื่อฝ่าเส้นทางเท่านั้น

New Ford Ranger Raptor 2022 ออกแบบให้มีรูปลักษณ์ภายนอกดุดัน สมกับสมรรถนะที่ได้รับการยกระดับไปอีกขั้น ซุ้มล้อที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มความกว้างของรถ ไฟหน้าใหม่รูปตัว C ดีเอ็นเอของรถกระบะ Ford ตัวอักษร F-O-R-D ขนาดใหญ่บนกระจังหน้า และกันชนที่เป็นอิสระจากกระจังหน้า

ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Day-time running lights) แบบแอลอีดีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่องสว่าง ไฟเลี้ยวแบบไดนามิก ไฟสูงแบบตัดแสงและการปรับระดับแสงแบบอัตโนมัติเพื่อให้แสงสว่างที่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ รวมถึงรถที่แล่นสวนทางมา

ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยางออลเทอร์เรน BFGoodrich® KO2® ให้ ช่องลมข้างบังโคลนนอกจากความสวยงามและยังมีประโยชน์ด้านอากาศพลศาสตร์เช่นเดียวกับการออกแบบพื้นผิวทั้งหมด บันไดข้างดีไซน์ใหม่ ทำจากอะลูมิเนียมที่แข็งแรง ไฟท้ายแบบแอลอีดี กันชนหลังสีเทาเข้ม บันไดเหยียบเพื่อขึ้นกระบะท้าย ชุดลากในตัวที่ติดตั้งในตำแหน่งสูงเพื่อเพิ่มมุมจาก (รายละเอียดของอุปกรณ์แตกต่างกันไปในแต่ละตลาด)

การออกแบบภายในยังคงสื่อถึงพลังและความดุดันของการเป็นออฟโรดสมรรถนะสูงเช่นเดียวกับการออกแบบตัวถังภายนอก ห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดโดยใช้เบาะที่นั่งแบบสปอร์ต ทั้งเบาะหน้าและหลัง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินรบ ตกแต่งรายละเอียดด้วยสีส้ม ‘โค้ด ออเรนจ์’ บนแผงหน้าปัด การตัดขอบชิ้นส่วนหลักๆ ในห้องโดยสาร รวมถึงบนเบาะที่นั่งแบบสปอร์ต ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นอีกเมื่อเปิดไฟส่องสว่างสีอำพันอบอุ่นภายในห้องโดยสาร เสริมความหรูหราอีกขั้นด้วยพวงมาลัยหนังเกรดพรีเมียมจับกระชับมือพร้อมแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัยหรือ On- centre mark และแป้นแพดเดิลชิฟต์เคลือบแมกนีเซียม

ห้องโดยสารของ Raptor เจเนอเรชั่นใหม่ ทำงานด้วยระบบดิจิทัลทั้งหมด ด้วยแผงหน้าปัดความชัดเจนสูงขนาด 12.4 นิ้ว และหน้าจอแบบสัมผัสตรงกลางขนาด 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อและระบบความบันเทิงผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A® รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ระบบเสียง Bang & Olufsen® 8 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์เสียงเหนือระดับระหว่างการผจญภัยครั้งใหม่

ต้นกำเนิดของชื่อ Ford Ranger Raptor มาจากทวีปอเมริกาเหนือ โดยวิศวกรฟอร์ดใช้กับรถกระบะสมรรถนะสูงหลายรุ่น เริ่มจากฟอร์ด F-150 SVT Raptor ในปี พ.ศ. 2553 ซึ่งได้รับการยกระดับให้มีสมรรถนะในการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทางด้านวิศวกรรมของระบบช่วงล่าง ยางออลเทอร์เรน และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

ใน พ.ศ. 2561 สมาชิกใหม่ของตระกูล Ford Performance เปิดตัวสู่สาธารณชน Ford Ranger Raptor ทำให้แบรนด์ Ford Performance เป็นที่รู้จักในลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เป็นเจ้าของรถกระบะออฟโรดตัวจริงทั่วโลก สืบทอดดีเอ็นเอของการเป็นยานพาหนะที่รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

อ่านเพิ่มเติม…