อีกหนึ่งฟังก์ชันรถยนต์อย่างไฟตัดหมอก ยังคงเป็นที่ถกเถียงว่าจำเป็นไหม ผิดกฎหมายหรือเปล่า มีไว้ทำไม วันนี้เราจะถกประเด็นไฟตัดหมอกกันดีกว่าว่ามันมีไว้ทำไม ใช้เมื่อไหร่ถึงจะเป็นประโยชน์
ไฟตัดหมอกคืออะไร
วาดภาพตามนะครับว่าไฟหน้ารถของเรา แต่มีฟังก์ชันไฟดวงเล็กเสริมติดอยู่ด้านล่างจากไฟหน้ารถ และรถยนต์บางรุ่นก็อาจมีไฟตัดหมอกที่ไฟท้ายด้วย (แต่อยู่ห่างจากไฟเบรก และมีเพียง 1 ข้างเท่านั้น) แม้ดวงไฟขนาดเล็ก แต่ประสิทธิภาพแจ๋วมาก เพราะใช้ไฟหลอดแบบ H3 คือไส้หลอดสปอตไลท์ จึงส่องสว่างเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น
ไฟตัดหมอกใช้เมื่อไหร่
ชื่อว่าไฟตัดหมอก หรือ Fog Lamp ก็ใช้เพื่อตัดหมอก ลองจินตนาการว่าคุณต้องขับรถผ่านควันหนาๆ พื้นที่มืดสนิท หรือวันที่ฝนตกหนักๆ ในต่างประเทศก็มีหิมะตก ไฟหน้ารถปกติจะมีระยะมองเห็นไม่เกิน 10-15 เมตร แต่เมื่อเปิดไฟตัดหมอกจะมีระยะมองเห็นมากกว่า 30-80 เมตร ไฟตัดหมอกนี้จึงเป็นเสมือนเครื่องมือลับ ไฟฉายกำลังสูง ช่วยให้คุณมองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
บางคนก็ไม่ชอบไฟตัดหมอก
ด้วยความที่ไฟตัดหมอกเป็นไฟสปอตไลท์กระจายแสงในแนวนอน เสริมทัศนวิสัยในการขับขี่อย่างสูง สบายใจคนขับ แต่ไม่สบายตาคนขับที่สวนเลนมา หรือสะท้อนกระจกหลังของรถคันหน้า หรืออธิบายตรงๆ แบบไม่ถนอมน้ำใจ คือ มันแยงตารถคันอื่นบนท้องถนนนั่นเองครับ
เปิดไฟตัดหมอกพร่ำเพรื่อ ผิดกฎหมาย?
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ระบุไว้ว่า การเปิดไฟตัดหมอกสามารถเปิดใช้ได้ในกรณีมีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรคที่อาจทำให้เกิดอันตรายในการขับขี่ รวมถึงเปิดใช้เมื่อไม่มีรถสวนมาอยู่ในระยะแสงไฟ 150 เมตร โดยสามารถใช้หลอดไฟแสงขาวหรือแสงเหลือง ที่มีกำลังไฟไม่เกินดวงละ 55 วัตต์เท่านั้น หากมีการใช้ไฟตัดหมอกไม่เป็นไปตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนด จะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ตามมาตรา 148
เราคงไม่สรุปว่าไฟตัดหมอกเป็นภัยและไม่ควรใช้เด็ดขาด เพราะประโยชน์ของมันก็มีอยู่มากหากเราอยู่ในสภาวะที่มองทางไม่เห็นจริงๆ เช่น การขึ้นเขาช่วงเช้าที่มีหมอก ตอนกลางคืนที่ไม่มีไฟทาง วันที่ฝนตกหนักจนแม้แต่มองเส้นถนนไม่เห็น แต่หากใช้แล้วก็ไม่ควรรบกวนผู้อื่นบนท้องถนน พึงระลึกเตือนตัวเองอยู่เสมอ ถ้ามีรถสวนทางมา หรือเห็นไฟสะท้อนกระจกรถคันหน้า ก็ควรปิดไฟตัดหมอกเสียดีกว่า เพื่อมิตรภาพและมารยาทบนท้องถนนครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ.
ผู้เขียน : เครื่องยนต์คนขยัน