ยุคแห่งไฟฟ้ามาแล้ว Mercedes-AMG EQS 53 4Matic +




AMG เปลี่ยนรถยนต์ไฟฟ้าให้กลายเป็นรถ AMG ที่แท้จริงได้อย่างไร? ในท้ายที่สุด หากวิศวกรของอัฟฟาเตอร์บัคกลายเป็นที่รู้จักในเรื่องของเครื่องยนต์กลไก มันคือการบรรลุถึงการสร้างเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ดังสนั่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของมอเตอร์สปอร์ต พวกเขาโด่งดัง มีความภาคภูมิใจ และไม่ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว เมื่อต้องเดินไปข้างหน้าด้วยการละทิ้งเครื่องยนต์สูบเชื้อเพลิงแล้วหันมาโมมอเตอร์ไฟฟ้าแทน นั่นมันโคตรจะย้อนแย้งกับสำนักที่ยึดติดกับการเผาไหม้มานานแสนนาน

เช่นเดียวกับ Audi e-tron GT และ Porsche Taycan สำหรับ Mercedes-AMG EQS 53 4Matic+ – เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นรถ AMG ที่มีศักยภาพ มีการพิสูจน์ให้เห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ มีบุคลิกที่ทรงพลังพอๆ กับพี่น้อง AMG ที่ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน มันแตกต่างแต่ทรงพลังเหมือนกัน ดังนั้น พลังงานในด้านการเร่งของ  AMG EQS จึงไม่ใช่ AMG ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และจะไม่ทำให้หูของคุณกลับมาเชื่ออย่างที่คุณทำโดยการเข้าเกียร์สามในอุโมงค์แยกเกษตร แต่โดยรวม มอเตอร์ขนาดมหึมาก็ยังฟังดูเท่ แม้ว่าเราจะต้องเพิ่มข้อแม้ที่ว่าโซนิคบูมของ EQS 53 นั้นสร้างขึ้นมาแบบเทียมๆ

ระบบเสียงของมันใช้ลำโพงพิเศษ ทำงานโดยตัวกระตุ้นเสียงเบส และเครื่องกำเนิดเสียง เพื่อเรียกซาวนด์แทร็กทางเลือก เสียงมาตรฐาน authentic โดยมีโปรไฟล์ ‘performance’ เป็นตัวเลือก ซึ่งทำหน้าที่ส่งเสียงทั้งภายในห้องโดยสารและภายนอกเพื่อแจ้งตำแหน่งการมาถึงของมัน ตามโหมดการขับขี่ที่เลือกและอารมณ์ของผู้ขับขี่ นอกจากนี้ยังมีชุดเสียงที่ AMG เรียกว่า event หรือ เหตุการณ์ รวมถึงเสียงของการปลดล็อกรถ การสตาร์ตและการหยุดรถ คุณสามารถกดปุ่มสตาร์ตบนคอนโซลกลาง ซึ่งแตกต่างจาก EQS รุ่นปกติ หลังจากการสตาร์ตพลังงาน AMG EQS 53  ก็พร้อมจะพุ่งทะยานทันทีที่ตรวจพบร่างกายของคุณบนเบาะนั่ง ทุกอย่างจะถูกปรับให้พร้อมสำหรับการขับเคลื่อนทันที

ลูกค้าของ AMG ต้องการประสบการณ์การขับขี่แบบไดนามิกและเต็มไปด้วยอารมณ์” Jochen Herrmann หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคของ AMG กล่าว “เราส่งมอบ AMG EQS ด้วยโซลูชั่นของ AMG โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพูดถึงระบบขับเคลื่อน ระบบกันสะเทือน และเบรก” เริ่มกันที่ระบบส่งกำลัง เป็นมอเตอร์คู่ที่ติดตั้งไว้บนเพลาแต่ละข้าง ทำให้มีกำลังทั้งหมด 650 แรงม้า ใน EQS มาตรฐานหรือเพิ่มเป็น 761 แรงม้า หากระบุแพ็กเกจ AMG Dynamic Plus และคุณติดตั้งโหมด Race Start ซึ่งมีฟังก์ชั่นบูสต์ให้ใ้ช้งาน 

หัวใจสำคัญของ Mercedes-AMG EQS 53 4MATIC+ คือแนวคิดการขับเคลื่อนที่เน้นสมรรถนะ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง จำนวนสองตัว ระบบส่งกำลังไฟฟ้าอันทรงพลัง พร้อมมอเตอร์หนึ่งตัวที่เพลาหน้าและหลัง แต่ละตัวมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AMG Performance 4MATIC+ ที่ปรับเปลี่ยนการเทแรงบิดได้ทั้งหมด ซึ่งจะส่งกำลังขับไปยังผิวถนนอย่างเหมาะสม ในทุกสภาพการขับขี่ รุ่นพื้นฐานให้กำลังสูงสุด 484 กิโลวัตต์ หรือ 658 แรงม้า โดยมีแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 950 นิวตันเมตร ด้วยแพ็คเกจ AMG DYNAMIC PLUS ซึ่งมีให้เลือกเป็นอุปกรณ์เสริม กำลังสูงสุดจะเพิ่มขึ้นเป็น 560 กิโลวัตต์ หรือ 761 แรงม้า ในโหมด RACE START พร้อมฟังก์ชันบูสต์ แรงบิดสูงสุดของมอเตอร์นั้นสูงถึง 1,020 นิวตันเมตร สามารถจัดหนักกับ Taycan Turbo S หรือ RS e-Tron GT ได้อย่างไม่อายฟ้าดิน!

มอเตอร์ซิงโครนัสถาวร ซึ่งวิศวกร/นักเคมีของ AMG ได้ทำการปรับปรุงใหม่เพื่อรวมรูปแบบของขดลวดใหม่ทั้งหมด กระแสไฟที่แรงกว่า และอินเวอร์เตอร์ที่ใช้ซอฟต์แวร์พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ AMG กล่าวว่า มันช่วยให้รอบมอเตอร์ไฟฟ้าหมุนเร็วขึ้นและทำให้มีกำลังมากขึ้น มีการใช้ความพยายามอย่างมากในด้านการระบายความร้อน ระบบน้ำหมุนวนในเพลาโรเตอร์ เพื่อระบายความร้อน ซี่โครงพิเศษบนสเตเตอร์ แบตเตอรี่ติดตั้งชุดระบายอุณหภูมิเช่นกัน พลังงานที่ใช้คือ 107.8 kWh แบตเตอรี่แบบใหม่ มีปริมาณโคบอลต์ลดลง ผู้บริหารของ AMG กล่าวว่า ความหนาแน่นของพลังงาน ได้รับการปรับปรุงอย่างมาก เมื่อเชื่อมต่อกับเครื่องชาร์จขนาด 200 กิโลวัตต์ Mercedes-EQ กล่าวว่า เมื่อวิ่งได้ระยะทาง 186 ไมล์ ระบบปั่นไฟจะเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าไหลกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ในระยะเวลาประมาณ 19 นาที

Mercedes-AMG EQS 53 4MATIC+ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 400 โวลต์อันทรงพลังที่ผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีลิเธียมไอออนล่าสุด ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้านความยั่งยืนได้เกิดขึ้นแล้วในเคมีของเซลล์ ปริมาณโคบอลต์ลดลงเหลือสิบเปอร์เซ็นต์ วัสดุแอคทีฟที่ปรับให้เหมาะสม ประกอบด้วยนิกเกิล โคบอลต์ และแมงกานีสในอัตราส่วน 8:1:1 แบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูงมีปริมาณพลังงานที่ใช้งานได้ 107.8 kWh คุณลักษณะทางเทคนิคพิเศษประการหนึ่ง คือ การเดินสายแบบเฉพาะของ AMG ซึ่งปรับให้เข้ากับความจุประสิทธิภาพสูง ระบบจัดการแบตเตอรี่ยังได้รับการกำหนดค่าสำหรับ AMG โดยเฉพาะ ในโหมด Sport และ Sport+ โฟกัสของซอฟแวร์ที่ควบคุม จะอยู่ที่ประสิทธิภาพ สูงสุดในการปลดปล่อยพลังงาน สำหรับโหมด Comfort ที่ระยะการขับทางไกล แบตเตอรี่เจเนอเรชันใหม่ ถูกออกแบบให้มีความหนาแน่นของพลังงานที่สูงขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับการพัฒนาครั้งก่อน นอกจากนี้ ฃแบตเตอรี่ยังมีความสามารถในการชาร์จที่สูงขึ้น คุณสมบัติใหม่อีกประการหนึ่ง คือ ความเป็นไปได้ในการติดตั้งระบบอัปเดตสำหรับการจัดการกับแบตเตอรี่ผ่านทางอากาศ

เมื่อชาร์จเต็มที่  AMG EQS 53 ทำระยะทางได้ประมาณ 360 ไมล์ หรือประมาณ 580 กิโลเมตร แบตเตอรี่แพค สามารถอุ่นให้ร้อนเมื่อใช้งานในเขตหนาวจัด หรือกลับกัน มันสามารถทำความเย็นแบตฯ ล่วงหน้าได้ในขณะขับรถ ดังนั้น แบตเตอรี่ของ EQS 53 จึงเปิดรับการชาร์จอย่างรวดเร็วมากขึ้น มีการติดตั้งกลไกในการลดโหลดระหว่างการชาร์จเพื่อให้เจนเนอเรเตอร์และอินเวอร์เตอร์ รวมถึงชุดแบตฯ มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น AMG กล่าวว่า แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 10 ปี หรือ 155,000 ไมล์ เซลล์ต่างๆ ได้รับการพัฒนาขึ้นภายในแผนกที่ดูแลระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เป็นกรรมสิทธิ์ทั้งหมดของ Mercedes นอกจากนี้ วิศวกรยังทำงานอย่างหนัก เพื่อลดการพึ่งพาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและวัสดุหายาก มีความตั้งใจที่จะทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดมีค่าคาร์บอนที่เป็นกลาง รองรับการชาร์จแบบสองทิศทาง ในตลาดรถหรูของญี่ปุ่น 

EQS 53 น้ำหนัก 2.6 ตัน มีน้ำหนักของระบบส่งกำลังไฟฟ้า 760 กิโลกรัม เป็นระเบิดเวลาทางไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบซึ่งพร้อมจะปลดปล่อยพลังงานในรูปของแรงบิดด้วยซอฟต์แวร์แบบใหม่ ระบบช่วยกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อทั้งสี่ได้อย่างอัศจรรย์ มันยังมีเซนเซอร์คอยตรวจสอบแรงบิด ที่ทำหน้าที่ตรวจจับเร็วถึง 160 ครั้งต่อวินาที มีโหมดการขับเคลื่อนปกติ เริ่มจาก Slippery ฝนตกก็ควรเปิดใช้เพื่อความเสถียรและการไม่เทแรงบิดเลอะเทอะจนทำให้หมุนไปฟาดกับต้นไม้ โหมด Comfort เริ่มต้นเมื่อสตาร์ตพลังงาน เป็นโหมดของคนขี้เกียจปรับโน่นหมุนนี่ให้วุ่นวายขายปลาช่อน โหมดท้ารบสองโหมด Sport, Sport+ และ Individual โหมดซุกซนสำหรับคนเรื่องมากที่ชอบล้วงลึกเข้าไปปรับการตอบสนองขององคาพยพด้วยตนเอง เลือก Sport Mode  ซอฟต์แวร์เริ่มยุ่งเหยิงอีกครั้ง โดยสมองกลไฟฟ้าที่ควบคุมแรงบิด จะเทแรงฉุดลากไปด้านหลัง ในขณะที่ความสามารถในการทำความเย็นที่เพิ่มขึ้นของ AMG จะช่วยรักษาพลังงานไว้ได้นานขึ้น แบตเตอรี่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม จะทำงานเต็มประะสิทธิภาพและ Mercedes-EQ ไม่ละเลยต่อเรื่องเหล่านั้น 

แพ็กเกจเสริม Dynamic Plus เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดที่ 155 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือแค่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถรุ่นพื้นฐาน EQS นั้นช้ากว่า และมีความเร็วสูงสุดที่ต่ำกว่า สิ่งที่ควรทราบอีกประการหนึ่ง: มิชลินได้ร่วมพัฒนายางชนิดพิเศษ ซึ่งสามารถรับมือกับพลังงานทั้งหมดได้ ในขณะที่ให้ความต้านทานการหมุนต่ำ นั่นโคตรดี! และมีโฟมโพลียูรีเทนเพื่อลดเสียงรบกวนขณะเคลื่อนไหว เนื่องจากการลดเสียงรบกวน เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ Mercedes

AMG EQS 53 มีแพลตฟอร์มไฟฟ้าที่เรียกว่า AMG.EA การพัฒนา ทำให้เป็นแชสซี AMG ที่ไม่มีการประนีประนอม EQS 53 ใต้แนวคิดการขับเคลื่อนที่เน้นสมรรถนะ พร้อมบรรยากาศที่หรูหรา ผู้บริหารของ AMG กล่าวว่า มันมีเพลาล้อหลังแบบแอ็กทีฟเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และระบบควบคุมการขับขี่ AMG+, ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ Adaptive air Suspension ซับเฟรมด้านหลังทำจากอัลลอยแบบสั่งทำพิเศษ ชุดยึดมอเตอร์ มีการคำนวณหาจุดที่เหมาะสมระหว่างความสงบแบบไดนามิกและการปฏิบัติตามข้อกำหนดในด้านความปลอดภัย

เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่หนึ่งในความพยายามของ AMG  และ EQS ยังคงเป็นได้ทั้งหมอนอิง โซฟาหรู และรถลิมูซีนไฟฟ้าสุดแรง มากกว่า Porsache Taycan Turbo ที่เป็นรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าอย่างแท้จริง แต่แบนด์วิดธ์ของรถ กว้างมากจนทำให้ AMG EQS 53 อยู่ร่วมกับ Taycan ได้อย่างสบายๆ ภายใต้หลังคาที่โฉบเฉี่ยว ไฟท้ายทรงยาวที่สวยงาม หลังคาทรงโค้ง พวงมาลัยไฟฟ้าที่นวลเนียน สัมผัสเบรกที่ยอดเยี่ยม ด้วยจานเบรกขนาด 415 มิลลิเมตร ที่ด้านหน้า หรือเปลี่ยนเป็นเบรกออปชันเสริมอย่างจานคาร์บอนเซรามิก ชนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 440 มิลลิเมตร บนคาร์ลิบเปอร์ 8 พอต ซึ่งผสมผสานระบบเบรกสะสมพลังงานไฟฟ้าสามขั้นตอนอันทรงพลัง เข้ากับระบบไฮดรอลิกส์อย่างเชี่ยวชาญ มี i-Booster เพื่อความรู้สึกในด้านอารมณ์และสัมผัสแบบ AMG ที่แท้จริง

ในฐานะ AMG มากกว่ารถ EQS รุ่นมาตรฐานที่ดูสวยงาม EQS 53 มีความดุดันเพิ่มเข้ามา กระจังหน้าแบบแผงสีดำเฉพาะของ AMG พร้อมสตรัทแนวตั้งแบบประทับในโครเมียม ตราสัญลักษณ์ดาวสามแฉกในตัว มีการปรับปรุงด้านแอโร่ต่างๆ รวมถึง สปลิตเตอร์ด้านหน้า ช่องดูดอากาศด้านข้างเพื่อจัดระเบียบการไหลเวียนของอากาศที่ปั่นป่วนรอบล้อหน้า ดิฟฟิวเซอร์และสปอยเลอร์หลัง ถูกปรับแต่งให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ตัวถังของรถนั้นลื่นไหลมาก ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ แค่ 0.23 ภายใน EQS 53 มีไฮเปอร์สกรีนเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จอภาพยักษ์ OLED ยาว 1.4 ม. ที่จำลองวิธีที่เราโต้ตอบกับรถยนต์ แต่บอกตามตรงว่า มันเหมือนกับนั่งอยู่ในเครื่องร่อนหรือห้องนักบิน” หัวหน้าเจ้าหน้าที่สร้างสรรค์ของ Mercedes Gorden Wagener กล่าว “ผู้คนถามถึงรถในฝันและรถซุปเปอร์สปอร์ตของเรา แต่นี่อาจเป็นรถในฝันที่ดีที่สุดที่เราจะสามารถทำออกมาให้เป็นความจริงได้”

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/