ถูกกว่าเดิม 6 แสน! AUDI THAILAND เปิดตัว NEW Q7 60TFSI e QUATTRO PLUG IN HYBRID




Audi Thailand เปิดตัวเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า จัดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุด ทั้ง Q7 และ Q8 ปลั๊กอินไฮบริด The Best PHEV Ever คุณภาพนำเข้าทั้งคัน แรงสุด 462 แรงม้า พร้อมเพิ่มออปชัน ในราคาลดลงสูงสุดถึง 1 ล้านบาท

กฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด หรือ Audi Thailand เปิดเผยว่า จากนโยบายของ AUDI AG ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวยานยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ ไม่ต่ำกว่า 20 รุ่น ภายในปี 2025 และนโยบายของรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมให้มีการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ในปีนี้ Audi Thailand มีแผนที่จะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง รวมถึงยานยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดของ Audi ซึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นเทคโนโลยีเจเนอเรชั่นล่าสุด ดีที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีมา (The Best Plug-in Hybrid Ever) คือ ทรงพลัง ขับสนุก มลพิษต่ำ ประหยัดน้ำมัน สำหรับ Audi เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดสองรุ่นแรกที่เปิดตัวในประเทศไทยแล้ววันนี้ คือ Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition พรีเมียม SUV ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก

เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดของ Audi นับเป็น The Best Plug-in Hybrid Ever หรือเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นล่าสุด เกิดจากการผสานสองสุดยอดเทคโนโลยีพลังขับเคลื่อนอย่างลงตัว คือ เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า ที่ Audi ทุ่มทรัพยากรและงบประมาณในการพัฒนา เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถหรูในด้านรถไฟฟ้า 100% จากความสำเร็จของ Audi e-tron ที่ส่งมอบไปแล้วกว่า 160,000 คัน ทั่วโลก และเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ปัจจุบันได้พัฒนามาถึงขั้นสูงสุด จากรถยนต์ในตระกูล RS โมเดล เป็นท็อปเพอร์ฟอร์แมนซ์ ซึ่ง Audi ได้ส่งต่อความรู้ในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ไปยังรถรุ่นอื่นๆ โดยเฉพาะรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เจเนอเรชั่นล่าสุด ที่ไม่เพียงประหยัดน้ำมันแต่ยังมีสมรรถนะสูง ทรงพลัง สามารถส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ ที่มั่นใจ สนุก เร้าใจ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ลงตัว

“ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก กำลังเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อร่วมกันลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยยังต้องใช้เวลา โดยเฉพาะจำนวนสถานีชาร์จที่ยังไม่ครอบคลุม ดังนั้นในฐานะหนึ่งในผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ไร้รอยต่อ Audi ได้พัฒนาเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งจากประสบการณ์ องค์ความรู้ และความสำเร็จจาก Audi e-tron และการพัฒนาของเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำให้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดล่าสุดจาก Audi มีความสมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ความต้องการ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้ายังเป็นการคอมพลีทโมเดลไลน์อัพ เสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์อีกด้วย”

เทคโนโลยีขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุด ทั้ง Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition นั้น มาพร้อม Dynamic Badge ตราสัญลักษณ์ “60 TFSI e” ด้านท้ายรถ ซึ่งเป็นตัวเลขบ่งบอกแรงม้าที่สูงที่สุดเท่าที่ Audi เคยใช้มา โดยในส่วนของเครื่องยนต์สันดาปเป็นเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ขนาด 2,995 ซีซี ผลิตแรงม้าได้ที่ 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังได้ถึง 136 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร เมื่อผสานการทำงานกันจะให้พละกำลังจากระบบขับเคลื่อนสูงสุดถึง 462 แรงม้า 700 นิวตันเมตร ซึ่งนับเป็นรถยนต์ พรีเมียมเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดที่มีพละกำลังสูงสุดในตลาดประเทศไทยในปัจจุบัน โดยสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง

แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออนแรงดันสูงมีความจุ 17.9 กิโลวัตต์ รองรับการชาร์จได้สูงสุด 7.4 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ภายใน 2.5 ชั่วโมง แบตเตอรี่ถูกบรรจุไว้ในบริเวณที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ซึ่ง Audi ได้ออกแบบแบตเตอรี่ให้มีขนาดเล็ก ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระยังคงมีขนาดความจุสัมภาระสูงมากถึง 650 ลิตรใน Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition ซึ่งนับเป็นความจุพื้นที่เก็บสัมภาระที่สูงมากที่สุดในรถขนาดเดียวกัน วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้มากกว่า 40 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เหมาะสมกับการใช้รถในเมือง สอดรับจากการวิจัยของ Audi ที่พบว่าส่วนมากจะใช้งานรถไฟฟ้าในเมืองไม่เกินวันละ 30 กิโลเมตร ความพิเศษของ Audi ปลั๊กอินไฮบริดอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค คือ แบตเตอรี่เจเนอเรชั่นล่าสุดนี้ หากมีความเสียหายเกิดขึ้นช่างเทคนิคจะสามารถเปลี่ยนอะไหล่และแบตเตอรี่แยกย่อยเป็นแต่ละโมดุลได้ ทำให้ค่าบำรุงรักษาเมื่อแบตเตอรี่หมดระยะรับประกันจะต่ำลงเป็นอย่างมาก เพื่อความสบายใจในการใช้งาน (Customer Peace of Mind) ไปได้นานๆ หรือหากจะเปลี่ยนคันใหม่ Resell value ราคาก็จะไม่ลดมูลค่าลง แบตเตอรี่แรงดันสูงในรถปลั๊กอินไฮบริดของ Audi มีการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเรียกว่า e-tron mode ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่

EV (electric driving) ซึ่งเป็นโหมดที่รถจะขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าเท่านั้น 100% เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง

Auto Hybrid (intelligent use of battery charge) มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์จะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยอัตโนมัติ จากการทำงานของระบบ Predictive Efficiency Assist (PEA) ที่จะประเมินสถานการณ์ของถนนที่เดินทางไปควบคู่ไปกับระบบนำทางของรถ และจะแนะนำให้ลูกค้าถอนคันเร่ง โดยมีสัญลักษณ์สีเขียวรูปลูกศรให้ถอนเท้าพร้อมแรงกระตุกที่แป้นคันเร่ง 1 ครั้ง เมื่อรถเดินทางเข้าสู่ ทางแยก ทางลาด ทางร่วมต่างๆ และระบบนี้ยังทำงานควบคู่กับระบบ Predictive Operating Strategy (POS) ที่จะประเมินการขับขี่ว่าเป็นการใช้ในเมืองที่มีรถติด หรือในเมืองที่รถเคลื่อนตัวได้ดี หรือการวิ่งนอกเมือง เพื่อจะใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม

Battery Hold (maintain battery charge) เหมาะสำหรับการเดินทางจากนอกเมืองเพื่อเข้าในเมือง โดยรถยนต์จะใช้งานเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน เพื่อรักษาระดับประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ให้สูงคงเท่าเดิม เพื่อจะเก็บพลังงานจากแบตเตอรี่เอาไว้ใช้ในขณะเข้าเมืองให้วิ่งได้ไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้

Battery Charge (increase battery charge) รถยนต์จะใช้งานเครื่องยนต์และระบบนำพลังงานกลับมาใช้ (Recuperation) เพื่อที่จะพยายามชาร์จแบตเตอรี่แรงดันสูงให้เพิ่มมากขึ้น

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition ออกแบบให้ลุคสปอร์ต ภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง S line และอัปเกรดการตกแต่งเป็นแบบ Black Edition โดยเปลี่ยนคิ้วโครเมียมรอบคันเป็นสีดำและฝาครอบกระจกมองข้างสีดำดูดุดัน ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 21 นิ้ว พร้อมคาร์ลิปเปอร์เบรกสีแดงทั้งหน้า-หลัง ระบบไฟหน้า 2 แบบ ให้เลือกทั้งแบบไฟหน้า LED และไฟหน้า matrix LED อัจฉริยะที่จะสามารถปรับแสงปิด LED บางดวงอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้แสงกวนตาผู้ขับรถที่สวนมา พร้อมไฟเอฟเฟกต์ Light staging เมื่อปลดล็อก

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition ภายในได้เพิ่มอุปกรณ์การตกแต่งเป็นแบบ S line Interior พวงมาลัยท้ายตัดพร้อมเบาะนั่งพร้อมตราสัญลักษณ์ S line องศาความลาดของเบาะที่ออกแบบให้สอดคล้องกับความลาดเอียงของกระจก ช่วยจัดระดับของสายตาให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ วัสดุหุ้มหนัง Valcona คุณภาพสูง นุ่มสบาย พวงมาลัย Multi-function แบบสปอร์ตท้ายตัด ระบบ MMI Navigation plus พร้อม MMI touch ขนาด 10.1 นิ้ว และจอควบคุม multi-function แบบสัมผัส พร้อมตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว พร้อม Paddle shift จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ 17 ตำแหน่ง 730 วัตต์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน และเพิ่มฟังก์ชันเปิดแอร์ได้ขณะดับเครื่อง (Stationary Air-conditioning)

ช่วงล่างระบบถุงลม (Adaptive air suspension) ในรุ่น Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และช่วงล่างระบบถุงลมแบบ Sport ในรุ่น Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ภายในพื้นที่ห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระนั้นกว้างขวาง ถือได้ว่าเป็น SUV ที่ขนาดใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์ รองรับการเดินทางของครอบครัวใหญ่หรือเพื่อนร่วมทริปได้อย่างสบายๆ 

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition (LED Headlight) ราคา 4,799,000 บาท

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition (Matrix LED Headlight) ราคา 4,899,000 บาท (จำนวนจำกัด)

Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 5,799,000 บาท

จากมาตรการสนับสนุนการใช้รถ PHEV ของรัฐบาล ราคานี้นับเป็นราคาที่ต่ำลงกว่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายในถึง 600,000 – 1,000,000 บาท ถือว่าเป็น The Best Price Ever หรืออาจเรียกว่าเป็นรถยนต์คุณภาพนำเข้าทั้งคันในราคารถประกอบภายในประเทศ นอกจากนี้ Audi Thailand ยังกระตุ้นตลาด Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ทันทีด้วยโปรโมชั่น ดอกเบี้ยพิเศษ 1.59% นาน 60 เดือน และแถมฟรีเครื่องชาร์จ Wallbox ขนาด 7.4 กิโลวัตต์ อีก 1 เครื่อง นอกเหนือจากเครื่องชาร์จของ Audi ที่มาพร้อมกับรถยนต์อยู่แล้ว

Audi เป็นรถยนต์นำเข้าจากประเทศเยอรมนีทุกรุ่น ลูกค้าที่ออกรถใหม่จะได้รับการดูแลจาก Audi Protection การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน รถ Plug-in Hybrid TFSI e ใหม่ ทุกรุ่นรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี ลูกค้าอาวดี้สามารถมั่นใจกับงานบริการหลังการขาย ซึ่งมีมาตรฐานคุณภาพเดียวกันทุกสาขา โดยในช่วงสถานการณ์โควิดนี้ เปิดบริการในวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 08.00-18.00 น. วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-18.00 น. หรือโทร.นัดหมายได้ที่

Audi Centre Thailand 02-765-8888
• Audi New Petchburi 02-023-4888
• Audi Pattaya 038-197-888
• Audi Phuket 076-646-666
• Audi Service Chiang Mai 052-081-188
• Audi Service Ratchapruek 02-034-5888
• Audi Udonthani 093-161-5588

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/